พระชัยฟ้าลั่น ฐานสูง หลวงปู่เริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ

ปิดรายการไปแล้วครับSOLD

พระชัยวัฒน์องค์นี้จัดสร้างเมื่อวันที่ 22 ต.ค.2526 การสร้างพระชัยชุดนี้ ใช้ชนวนพระกริ่งชินบัญชรล้วน ๆ 

และก็เป็นการมหัศจรรย์ เมื่อพราหมณ์เริ่มพิธีบวงสรวงหุ่น เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๑ ตุลาคม เวลา ๑๘.๐๐ น. ท้องฟ้าซึ่งแจ่มใสจนเห็นดวงจันทร์ มีฝนโปรยลงมาเบา ๆ มาถึง ๓ ครั้ง ระหว่างทำพิธีบวงสรวง ซึ่งนานเกือบ ๒ ช.ม. และในเย็นวันเสาร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๒๖ ซึ่งเป็นวันเททอง เมื่อพราหมณ์ และหลวงพ่อเริ่มทำพิธีเททองในเวลา ๑๘.๑๙ น. ฟ้าได้ร้องครืน ๆ ขึ้น ๓ ครั้ง ๓ หน ทั้งที่ไม่มีเค้าของฝนเลย

และเมื่อเททองเบ้าแรกเสร็จ คุณเพียรวิทย์  จารุสถิติ เจตนาเอาสสายสิญจน์ไปพาดปากเบ้า ซึ่งน้ำทองกำลังแดงจัดจนลุกเป็นไฟ แต่สายสิญจน์กลับไม่ไหม้ไฟ

แต่ในทำนองเดียวกัน ถ้าสายสิญจน์เกิดไม่ไหม้ไฟเช่นครั้งนี้ พระชุดนี้ก็อาจดังระเบิดได้ ซึ่งยังไม่เคยมีใครเคยเสี่ยงทำกันอย่างนี้ นอกจากจะเป็นเหตุบังเอิญซึ่งหาได้ยาก จะมีเหตุบังเอิญเท่าที่ทราบก็เพียงครั้งเดียวในพิธีเททอง พระกริ่งน้ำท่วม รุ่น พ.ศ. ๒๔๘๕ ของท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) วัดสุทัศน์ ซึ่งสายสิญจน์เผอิญหลุดไปฟาดปากเบ้า แล้วเกิดไม่ไหม้ไฟ จึงเรียกพระกริ่งชุดนี้ว่า พระกริ่งรุ่นสายสิญจน์ไม่ไหม้ไฟ

พระชัยวัฒน์ชุดนี้เมื่อพิจารณาจากฤกษ์ยามแล้ว ได้ตั้งชื่อไว้ว่า “พระชัยไตรโลกนาถ” เพราะเป็นฤกษ์มหานิยม จัดที่ที่ทั้ง ๓ โลก คือ เทพ-เทวดา มนุษย์ และ บาดาล ต้องมาร่วมกัน เพราะความเป็นมหานิยมของฤกษ์นี้ และนอกจากจะเป็นมหานิยมแล้ว หลวงพ่อเริ่ม และสหัสรังษี ยังกล่าวพ้องกันอีกว่า นอกจากจะเป็นมหานิยมจัดแล้ว ยังเป็นมหาปราบอีกด้วย หลวงพ่อเริ่มถึงกับเอ่ยปากว่า “พระชัยชุดนี้ผู้คนใช้แล้ว จะทำให้คนทั้งรักทั้งกลัว”

เมื่อหลวงพ่อเททองหล่อพระชัยวัฒน์เนื้อทองคำ ซึ่งเป็นชุดสุดท้ายเสร็จ ฝนก็โปรยลงมาเบา ๆ ไม่หนักนัก แล้วก็หยุดหาย เป็นเหตุการณ์ที่ผมต้องเอ่ยปากถามหลวงพ่อเริ่มว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น หลวงพ่อเริ่มท่านว่า

ครูบาอาจารย์ และเบื้องบน ยอมรับรู้ในการสร้างของมงคลครั้งนี้ และหลวงปู่ทิม ท่านก็รับทราบด้วย หลวงพ่อเริ่มท่านยังแนะผมให้เปลี่ยนชื่อจากเดิมตั้งตามฤกษ์ว่า พระชัยไตรโลกนาถ เป็น พระชัยฟ้าลั่นซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยจะกล้านักกับชื่อนี้ เพราะดูหนักน่ากลัว และจะเป็นการโอ้อวดไป แต่หลวงพ่อท่านว่า ไม่เป็นไร เพราะแม้แต่ธรรมชาติก็ยอมรับ ก็เลยต้องเห็นดีเห็นงามไปกับท่าน

พระชัยฟ้าลั่นเป็นพระพุทธรูปสมัยศรีวิชัย เรียกกันโดยทั่วไปว่า ขนมต้ม เพราะเป็นพระปางสะดุ้งมาร ซึ่งองค์พระอวบอ้วนล่ำม่อต้อ แม้องค์พระจะเล็ก แต่พระศก พระพักตร์ พระเนตร พระโอษฐ์ กะทัดรัดสวยงาม องค์พระประทับนั่งบนกลีบบัวหงาย องค์ฐานสูงฐานเป็นบัลลังก์สวยงามมาก

 พระชัยฟ้าลั่นมี ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์ฐานสูง และ พิมพ์ฐานเตี้ย สร้างเป็นชุด ๆ ละ ๒ องค์ เพียง ๑,๐๐๐ ชุด และมีฐานเตี้ยอีก ๑,๐๐๐ องค์ มีเนื้อทองคำ ๑๒ ชุด และ ฐานเตี้ยอีก ๖ องค์ มีเนื้อพิเศษแก่ทองคำอีก ๙ ชุด ปิดก้นด้วยฝาบาตร เนื้อโลหะพระชัยฟ้าลั่นเป็นเนื้อกลับดำสนิท สร้างก้นหุ้มทองคำบรรจุผง ๑๙ ชุด ก้นหุ้มเงิน ๘๐ ชุด

พระชัยฟ้าลั่นซึ่งดำเนินการสร้างโดยศิษย์หลวงปู่ทิม อิสริโก ผู้สร้างพระกริ่งชินบัญชรอันลื่อลั่นมาแล้ว ก็มีผู้สั่งจองกันหมดเกลี้ยงจริง ๆ ภายในเวลาเพียงอาทิตย์เดียว ทั้งที่มีการลงแจ้งข่าวในหนังสือพิมพ์พลังเหนือโลกเพียง ๒ ครั้ง และลงหนังสือพิมพ์พระเครื่องรายปักษ์อีกเพียงฉบับเดียว พระชัยฟ้าลั่น ๑,๐๐๐ ชุด ก็หมดเกลี้ยงลง อย่างชนิดผู้สร้างต้องเช็คใบจองจ่ายพระตามที่มีผู้สั่งจองกันจริง ๆ หลายสิบหลายร้อยรายต้องผิดหวังเพราะความลังเล ลูกศิษย์หลวงพ่อเริ่มแถวศรีราชา สัตหีบ พัทยา และชลบุรี ต่างผิดหวังไปตาม ๆ กัน เพราะพระชัย ๒๐๐ ชุด ซึ่งรับจองที่วัดจุกกะเฌอ ก็มีผู้สั่งจองเกลี้ยงในเวลาไม่ถึงอาทิตย์

พระชัยฟ้าลั่นนั้น หลวงพ่อเริ่มท่านทำพิธีปลุกเสกอยู่ ๓ คืน พระชัยฟ้าลั่นก้นบรรจุผงพุทธคุณ ทั้งของหลวงพ่อเริ่ม และผงพุทธคุณอันสำคัญ ๆ ของหลวงปู่ทิม สร้างทั้งหมด ๑,๐๓๖ ชุด พระชัยฐานเตี้ยเป็นองค์เดียวอีก ๘๒๗ องค์ (เพราะเสียมาก และเทไม่ครบ) ในจำนวนนี้ได้หุ้มเป็นก้นทองคำ และ ตอกหมายเลข ๑-๑๙ เสีย ๑๙ ชุด โดยตอกโค๊ดผิดไปจากเนื้อธรรมดา คือ ต้องตอกโค๊ดตัว “ร” ไว้ด้านหลังสังฆาฏิ เยื้องไปทางด้านซ้ายมือ (ก้นธรรมดาตอกขวามือ) และหุ้มก้นเงินอีก ๗๙ องค์ ตอกหมายเลข ๑-๗๙ ทุกองค์ นอกจากนี้ยังมีเนื้อพิเศษ ซึ่งนำเอาชนวนทองคำที่เหลืออีก ๒๒ กรัม มาเทใหม่ โดยผสมพระเงิน ตะกรุดเงิน และวัตถุมงคลสำคัญของหลวงปู่ทิม เทเป็นพระชัยได้อีก ๑๐ ชุด กับอีก ๒ องค์เล็ก ชุดนี้ตอกเลข ๑-๑๐ และหุ้มก้นด้วยฝาบาตร ตอกโค๊ดไว้ในกลีบบัวด้านหลัง

สำหรับผงพุทธคุณที่นำมาบรรจุในก้นพระชัยฟ้าลั่นครั้งนี้ ประกอบด้วยผงสำคัญ ๆ ของหลวงปู่ทิม และของหลวงพ่อเริ่ม คือ ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาจินดามณี และ ผงนุ่นหมอนหนุนหลวงปู่ทิม ซึ่งท่านใช้เพียงใบเดียวตลอดชีวิต ๗๓ พรรษา ในเพศพรหมจรรย์ของท่าน ซึ่งได้รับแบ่งมาจาก คุณมาโนช เหล่าขวัญสถิตย์  เป็นหมอนหนุนศีรษะของหลวงปู่ทิม ที่ท่านสั่งมอบให้กับคุณมาโนช เมื่อคุณมาโนชเอ่ยปากขอของดีจากท่าน และประการสุดท้าย ผงไม้คูณ หรือ ไม้ราชพฤกษ์ ซึ่งเหลือจากการทำปลัดขิกเลข ๓ ซึ่งหลวงปู่ทิมเคยบอกว่า ผงไม้คูณเป็นมงคล เพราะมีแต่คูณมีแต่เพิ่มไม่มีลด และของสำคัญชุดสุดท้ายของหลวงปู่ทิมที่ผสมลงในผงชุดนี้คือ สีผึ้ง ซึ่งหลวงปู่ทิมมอบให้ผมไว้เพื่อเจาะบรรจุลงไปในเหรียญใหญ่ (แต่ทำไม่ได้)

สำหรับผงของหลวงพ่อเริ่ม มี ผง ๑๒ นักษัตร์ ซึ่งท่านได้รับการถ่ายทอดมาจาก หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ ปทุมธานี เป็นผง ที่มีความพิสดารในตัว และสร้างยาก ต้องรวบรวมวัตถุมงคลให้ครบตามตำรา ซึ่งกว่าจะสร้างได้ต้องใช้เวลานาน หลวงพ่อเริ่มท่านบอกว่า ตลอดชีวิตในเพศพรหมจรรรย์ ๕๙ พรรษาของท่าน ๆ สร้างผงนี้ได้เพียง ๒ ครั้งเท่านั้น และต้องทำในระหว่างเข้าพรรษา จะขาดวันใดวันหนึ่งไม่ได้ ถ้าขาดทำต้องเริ่มต้นใหม่ ตำรานี้จึงมีขึ้นเพื่อสร้างความเพียร และความอดทน มีมานะ เป็นแนวการฝึกสมาธิ ท่านเล่าว่า ต้องทำอยู่หลายปี จึงเขียนจนผงลอดกระดานได้ ซึ่งถือว่าสำเร็จผงแล้ว ผงนี้เป็นผงเมตตามหานิยมอย่างสูง ใช้ได้ครอบจักรวาล เพราะมีทั้งแคล้วคลาด และมหาอุดรวมด้วย

วัตถุมงคลอีกอย่างที่หลวงพ่อเริ่มมอบให้ และสั่งให้ผสมลงไปในผงที่จะใช้อุดก้นพระชัยฟ้าลั่นด้วยคือ สีผึ้ง ๗ จันทร์ เป็นสีผึ้งมหานิยมซึ่งหลวงปู่ทิมเคยปรารภถึงหลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอว่า ท่านเริ่มเขามีสีผึ้งดี เรียนมาจาก หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก คุณภาพไม่ด้อยกวาสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบ วัดกะบกขึ้นผึ้ง ระยอง ซึ่งโด่งดังทางสีผึ้งเมตตามหานิยม

หลวงพ่อเริ่มท่านเล่าถึงวิธีทำสีผึ้ง ๗ จันทร์ ของท่านว่า ประการแรก ท่านต้องไปบิณฑบาตสีผึ้งมาจากท่าสำคัญ ๆ ๗ ท่า ท่าที่ว่านี้ต้องเป็น ท่าเรือ หรือ ท่ารถ ที่มีผู้คนพลุกพล่านซื้อง่ายขายคล่อง ท่านจะไปบิณฑบาตโดยถามตามร้านค้าว่า โยมมีสีผึ้งขายไหม ? ถ้าเขาตอบว่า มี ท่านก็จะบอกว่า อาตมาเป็นสงฆ์ไม่มีปัจจัย ขอบิณฑบาตสีผึ้งของโยมสักหน่อยจะได้ไหม เมื่อเขาให้ ท่านก็จะรับมา มากน้อยไม่สำคัญ แล้วท่านก็จะสัพพีให้ศีลให้พรผู้ให้ ทำอย่างนี้จนครบ ๗ ท่า ก็นำสีผึ้งนั้นมา ปั้นเป็นรูปผู้หญิงสาว เสร็จแล้วเอาไปฝังไว้กลางป่าช้าจนครบ ๓ คืน แล้วจึงไปขุดเอามา

ท่านว่าก่อนจะไปฝังกลางป่าช้า ต้องเข้าไปนั่งเรียก ยายกะสีตีกะลา และ นายป่าช้า จนปรากฏในนิมิต แล้วเอ่ยปากขอฝากฝังหุ่นขี้ผึ้งไว้ เมื่อครบ ๓ วัน ๓ คืน แล้วจึงไปขุดขึ้นมา นำผงผสมกับสีผึ้งให้มากน้อยตามต้องการ แล้วนำสีผึ้งมากวนกับน้ำมันมะพร้าว โดยให้เด็กสาวพรหมจารีเป็นผู้กวน แล้วเก็บไว้ เมื่อคราวใดที่เกิดจันทรคราส คือ พระราหูเข้าอมพระจันทร์ ท่านก็จะเริ่มทำพิธีปลุกเสกตั้งแต่พระราหูเริ่มอมพระจันทร์ จนพระราหูคลายพระจันทร์ รวมแล้วให้ได้ ๗ ครั้ง จึงจะถือว่าเสร็จครบตามตำรา

ระหว่างที่พระราหูเข้าอมพระจันทร์นั้น ตามคติทางไสยศาสตร์วิทยา ถือว่า เป็นมหานิยมอย่างสูง หลวงพ่อเริ่มท่านว่า สีผึ้งของท่านสร้างยาก ต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๗ ปี จึงจำสำเร็จ ท่านจึงหวงสีผึ้งของท่านมาก ไม่คุ้นเคยกันจริง ๆ ท่านจะไม่ให้ แต่ก็มีอยู่ครบแล้วในพระชัยฟ้าลั่นชุดนี้

พระชัยฟ้าลั่นชุดนี้ จึงดีทั้งองค์พระ ซึ่งสร้างจากชนวนพระกริ่งชินบัญชรล้วน พร้อมตะกรุดสำคัญ ๆ ของหลวงปู่ทิม และของหลวงพ่อเริ่ม สำหรับผงที่บรรจุก็เรียกว่าเป็นผงสุดยอด นำผงสำคัญ ๆ ของหลวงปู่ทิมมาบรรจุ โดยเฉพาะนุ่นในหมอนหนุนศีรษะของท่านมาผสมด้วย เป็นการช่วยหนุนดวงชะตาชีวิตของผู้ใช้ให้รุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น แต่ถ้าดวงชะตาตกก็จะหนุนให้ดีขึ้นไปอีก เป็นคำที่ว่า น้ำขึ้นก็ขึ้นตามน้ำ แต่ถ้าน้ำลง จะไม่ลงตามน้ำ

อ้างอิงข้อมูลจาก : http://www.sereechai.com/demo/news.php?no=5751